พื้นที่โจเอ็ตสึ เมียวโกตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดนีงาตะและติดกับจังหวัดโทยามะและนางาโนะ เป็นที่รู้จักว่าเป็นพื้นที่ที่มีหิมะตกหนักที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และยังมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งกำเนิดของการเล่นสกีในญี่ปุ่นอีกด้วย ในปัจจุบันยังคงมีรีสอร์ตหิมะและบ่อน้ำพุร้อนชื่อดังหลายแห่ง เช่น อากากูระออนเซ็น เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนระยะยาวด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ฝั่งทะเลญี่ปุ่นยังขึ้นชื่อว่าเป็นท่าเรือที่ธรรมชาติมีความอุดมสมบรูณ์ดี มีปลานานาชนิดจากระดับความลึกที่แตกต่างกัน ไม่เพียงแค่ปูเท่านั้นแต่ยังมีปลาทะเลน้ำลึกเช่นปลามังค์ฟิชด้วยและคุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารเหล่านี้ได้ที่ที่พักของคุณ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์หลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับอูเอสึงิ เค็นชิน ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ในช่วงสมัยเซ็นโงกุ ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมาเยือนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นอย่างยิ่ง

เมืองนีงาตะซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนีงาตะ นั้น เจริญรุ่งเรืองในสมัยเอโดะในฐานะเมืองท่าสำหรับเรือค้าขายที่เรียกว่า คิตามาเอบูเนะ ที่แล่นไปมาข้ามทะเลญี่ปุ่น และพัฒนาเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งทะเลญี่ปุ่น ร่องรอยที่อยู่อาศัยของเกษตรกรผู้มั่งคั่งที่เป็นทั้งเกษตรกรและพ่อค้าในสมัยนั้นยังคงเหลืออยู่ในเมือง ทำให้คุณสามารถสัมผัสบรรยากาศในสมัยนั้นได้ นอกจากนี้ อาหารในร้านอาหารที่มีความซับซ้อนและวัฒนธรรมเกอิชาอันงดงามที่เคยสร้างความบันเทิงให้กับพ่อค้าและเกษตรกรผู้มั่งคั่งเหล่านั้นยังคงมีอยู่จนทุกวันนี้ และมีซูชิเป็นวัฒนธรรมทางอาหารที่เป็นตัวแทนของเมืองนีงาตะ ซูชิที่นี่ใช้ประโยชน์จากอาหารทะเลคุณภาพสูงที่จับได้ในทะเลญี่ปุ่นและจุดเด่นของการเป็นหนึ่งในผู้ผลิตข้าวชั้นนำของญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทางไปยังจังหวัดนีงาตะ ทั้งในด้านที่ใช้สำหรับเป็นฐานหลักในการเดินทางและเป็นฐานหลักสำหรับเพลิดเพลินกับอาหารเลิศรสของนีงาตะเลย

พื้นที่เอจิโกะ ยูซาวะเป็นที่รู้จักในนาม "ดินแดนแห่งหิมะ" ซึ่งมีหิมะตกถมสูง 3 เมตรทุกปี และเป็นที่ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมหิมะและบ่อน้ำพุร้อนได้ เป็นที่รู้จักในฐานะพื้นที่การผลิตข้าวคุณภาพสูงที่สุดในญี่ปุ่น และการที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับเหล้าสาเกและอาหารหมักที่ทำจากข้าวคุณภาพดีนี้ ก็เป็นเสน่ห์ของที่นี่อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นพื้นที่ที่มีการจัดงาน เทศกาลศิลปะ Echigo-Tsumari Art Triennale ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 3 ปี และมีหุบเขาคิโยสึ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามหุบเขาหลักของญี่ปุ่น ที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมากในฐานะงานศิลปะแสนสวยงาม เราอยากให้คุณมาสัมผัสกับวัฒนธรรมซาโตยามะ หรือการเลี้ยงชีพด้วยงานเกษตรกรรม อันเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เติบโตขึ้นจากภูมิภาคที่ปกคลุมไปด้วยภูเขาและหิมะแห่งนี้ด้วยกันนะ

วันที่ 1

จุดชมวิว ห้องชมวิวเบฟโกะ บากาอูเกะ ที่โรงแรมนิกโก นีงาตะ มีความสูงเหนือพื้นดินประมาณ 125 เมตร ทำให้เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในฝั่งทะเลญี่ปุ่น
ค่าเข้าชมฟรี คุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของเมืองนีงาตะ ทะเลญี่ปุ่น เกาะซาโดะ และเทือกเขาโกซุ จากหน้าต่างบานใหญ่ของจุดชมวิวนี้

ที่""เปียบันได"" มีผลผลิตตามฤดูกาลของจังหวัดนีงาตะจัดสรรไว้พร้อมสรรพ มีร้านค้าหลายแห่งในบริเวณนี้ รวมถึงตลาดปลา Bandaijima Fresh Fish Center ที่มีการจัดจำหน่ายปลาสดที่จับได้ในทะเลญี่ปุ่นและผลิตภัณฑ์ทางทะเลจากทั่วประเทศในราคาตลาด
นอกจากนี้ภายในสถานที่ยังมีร้านอาหารมากมาย เช่น ร้านซูชิ จึงเหมาะที่จะมารับประทานอาหารกลางวันมากๆ เลยทีเดียว

คฤหาสน์ตากอากาศของพ่อค้าผู้มั่งคั่งซึ่งเป็นตัวแทนของนีงาตะสมัยใหม่
สวนและคฤหาสน์ที่สร้างขึ้นในสมัยไทโชผสมผสานเข้ากับภูมิประเทศอย่างกลมกลืนนั้นแสนมีเสน่ห์
และที่นี่คุณยังสามารถสัมผัสประสบการณ์การชมเกอิชาเต้นรำ และเล่นเกมโอซาชิอาโซบิ (การเล่นเกมกับเกอิชา) เช่น ""ทารุเก็น"" ได้อีกด้วย
ที่นี่เป็นจุดถ่ายภาพรองในแคมเปญโพสต์ภาพลงใน Instagram ของเฮลโล คิตตี้ด้วยนะ

ที่นี่เป็นสถานที่ที่แนะนำนักเขียนมังงะและผู้สร้างอนิเมะที่มีความเกี่ยวข้องกับจังหวัดนีงาตะ
และยังเป็นอาคารที่เต็มไปด้วยลูกเล่นสนุกๆ มากมาย ที่จะถ่ายทอดเสน่ห์ของมังงะและอนิเมะไปสู่ทุกคน
เป็นจุดถ่ายภาพรองในแคมเปญโพสต์ภาพลงใน Instagram ของเฮลโล คิตตี้ด้วยนะ

ร้านอาหารซูชิในเมืองนีงาตะมีเซ็ทซูชิ ที่ชื่อ นีงาตะ ซูชิ ซัมไม คิวามิ ที่ให้คุณได้เพลิดเพลินกับปลาท้องถิ่นของนีงาตะได้อย่างเต็มที่ เช่น กุ้งนันบัง ปลาลิ้นหมายานางิ ปลาโนกุโร และหมึกยาริอิกะ พร้อมด้วยไข่หอยเม่นอูนิ เนื้อปลาทูน่าส่วนโทโร และไข่ปลาแซลมอน ให้บริการโดยเสิร์ฟมาในขนาดพิเศษ 1.5 คนต่อหนึ่งที่

วันที่ 2

ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 10 นาทีจากสถานีนีงาตะ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในทะเลญี่ปุ่น เป็นที่อยู่อาศัยและจัดแสดงสัตว์น้ำ 30,000 ตัวจากประมาณ 600 สายพันธุ์
นอกจากนี้ยังเป็นจุดถ่ายภาพรองในแคมเปญโพสต์ภาพลงใน Instagram ของเฮลโล คิตตี้อีกด้วย

เป็นโรงกลั่นเหล้าสาเกเก่าแก่ที่ก่อตั้งกิจการตั้งแต่ปี 1767 อยู่ไม่ไกลจากสถานีนีงาตะ หลังจากที่เดินทัศนศึกษาภายในโรงกลั่นที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเหล้าสาเก สิ่งที่รออยู่ก็คือการชิมเหล้าสาเกเลิศรส ซึ่งคุณสามารถชิมเหล้าหวาน 2 ชนิด และ เหล้าสาเก 1 ชนิดได้ฟรี และสามารถชิมเหล้าสาเกเปรียบเทียบกันได้ 15 ชนิดเมื่อจ่ายเงิน 1,000 เยน

สะพานบันไดที่ทอดข้ามแม่น้ำชินาโนะ แม่น้ำสายยาวที่สุดในญี่ปุ่น มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องพร้อมไปกับการพัฒนาของเมืองนีงาตะ และเป็นสัญลักษณ์ที่คุ้นเคยของเมืองมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย

วันที่ 1

รอบๆ สถานีเอจิโกะ ยูซาวะมีสกีรีสอร์ตมากกว่า 10 แห่ง และมีรถบัสรับส่งจากสถานี ทำให้เข้าถึงได้ง่าย
หนึ่งในนั้นคือ กาลา ยูซาวะสกรีรีสอร์ต ที่เป็นจุดถ่ายภาพรองสำหรับแคมเปญโพสต์ภาพถ่ายลง Instagram ของ เฮลโล คิตตี้ และเป็นสกีรีสอร์ตที่ผู้คนหลากหลายตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงนักเล่นสกีขั้นสูงสามารถมาสนุกเพลิดเพลินได้

หอเอกสารประวัติศาสตร์ที่มีการจัดแสดงเกี่ยวกับนวนิยายเรื่อง ยูคิกูนิ (ดินแดนหิมะ) ของคาวาบาตะ ยาซูนาริ ซึ่งมีฉากในเรื่องอยู่ในยูซาวะ และวิถีชีวิต ประวัติศาสตร์การใช้ชีวิตของผู้คนที่เมืองยูซาวะ ที่นี่เป็นจุดถ่ายภาพรองในแคมเปญโพสต์ภาพลงใน Instagram ของเฮลโล คิตตี้ด้วยนะ
จากเมืองน้ำพุร้อนหน้าสถานีเอจิโกะ-ยูซาวะ ซึ่งเป็นประตูสู่ภูมิภาค คุณสามารถเข้าถึงพื้นที่ความสูง 1,000 เมตรได้อย่างง่ายดายผ่านกระเช้าลอยฟ้ายูซาวะโคเก็นที่ใหญ่ที่สุดในโลก

พื้นที่บ่อน้ำพุร้อนที่เป็นต้นแบบผลงานชิ้นเอกเรื่อง ยูคิกูนิ (ดินแดนหิมะ) ของนักเขียนรางวัลโนเบลด้านวรรณกรรม คาวาบาตะ ยาซูนาริ
ซึ่งในบรรดาสถานที่เหล่านั้น ที่พักเอจิโกะ ยูซาวะ ออนเซ็น ซากุระเทอิ และที่พัก ยูเกมูริโนะยาโดะ ยูคิโนะฮานะ เป็นจุดถ่ายภาพรองของแคมเปญโพสต์ภาพลง Instagram ของ เฮลโล คิตตี้ ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับน้ำพุร้อนคุณภาพดีและอาหารที่ทำจากวัตถุดิบเฉพาะของ เอจิโกะ ยูซาวะได้ที่สถานที่เหล่านี้

วันที่ 2

ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีโดยรถไฟและเดินจากสถานีเอจิโกะ ยูซาวะ ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่ตั้งอยู่ในเมืองโทคามาจิ ซึ่งเปิดทำการหลังจากปิดปรับปรุงใหม่ในปี 2021 โดยจัดแสดงผลงานของศิลปินร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงอย่างถาวร และเป็นฐานสำหรับอีเวนต์งานศิลปะ Echigo-Tsumari Art Triennale ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ สามปี

เฮกิโซบะ เป็นโซบะชนิดพิเศษที่เกิดในเมืองสิ่งทออูโอนูมะและโทคามาจิ เส้นโซบะเหล่านี้มีการใช้สาหร่ายฟุโนริเป็นตัวเชื่อมให้เหนียวและมีเนื้อสัมผัสที่เคี้ยวหนึบสู้ฟันเป็นเอกลักษณ์

หุบเขาคิโยสึซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในสามหุบเขาหลักของญี่ปุ่น สองฟากของแม่น้ำมีกำแพงหินขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่ ทำให้เกิดช่องเขารูปตัว V เป็นทิวทัศน์สุดสวยอันเป็นที่น่าภาคภูมิใจของคนทั้งประเทศ และได้รับการกำหนดให้เป็นจุดชมวิวแห่งชาติและอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติ

ที่นี่คุณสามารถลองชิมเหล้าสาเกได้จากโรงเหล้าสาเกทุกแห่งในนีงาตะ หากคุณจ่ายเงิน 500 เยนที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ คุณสามารถเพลิดเพลินกับสาเกได้ถึง 5 ถ้วยด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีข้าวปั้นที่ทำจากข้าวโคชิฮิคาริซึ่งเป็นข้าวสายพันธุ์พิเศษในท้องถิ่นขายอีกด้วย

วันที่ 1

ที่นี่คือศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวตั้งอยู่ที่สถานีเมียวโกโคเก็น ซึ่งเป็นฐานหลักในการเดินทางของพื้นที่เมียวโก ให้บริการข้อมูลการท่องเที่ยวและที่พักในเมืองเมียวโก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่พักผ่อนและห้องน้ำอีกด้วย
รวมถึงเป็นจุดถ่ายภาพรองสำหรับแคมเปญโพสต์ภาพลงใน Instagram ของ เฮลโล คิตตี้ด้วยนะ

หนึ่งในพื้นที่รีสอร์ตหิมะชั้นนำของญี่ปุ่น มีสกีรีสอร์ตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ 9 แห่งในพื้นที่นี้ ทุกคนตั้งแต่มือใหม่จนถึงมือโปรสามารถสนุกสนานเพลิดเพลินกันที่นี่ได้ มีสิ่งของที่จำเป็นกับการเล่นสกีให้เช่ามากมาย ดังนั้นถึงจะมามือเปล่าก็สามารถมาสนุกสนานกันได้เลย

ในพื้นที่เมียวโกมีบ่อน้ำพุร้อนเจ็ดแห่งที่พวยพุ่งออกมา และเรียกรวมกันว่า "เมียวโกโคเก็นออนเซ็นเคียว" (หมู่บ้านออนเซ็นเมียวโกโคเก็น) น้ำพุร้อนมีสีและคุณภาพแตกต่างกัน ดังนั้นคุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับน้ำพุร้อนได้หลากหลายไม่ว่าคุณจะมากี่ครั้งก็ตาม

วันที่ 2

ปราสาทที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะแหน่งนี้ เป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดนีงาตะ และเป็นที่รู้จักในฐานะจุดชมดอกซากุระขึ้นชื่อในฤดูใบไม้ผลิ
และยังเป็นจุดถ่ายภาพรองสำหรับแคมเปญโพสต์ภาพลง Instagram ของ เฮลโล คิตตี้ด้วย

มีนิทรรศการถาวรที่อธิบายประวัติศาสตร์ของพื้นที่ตั้งแต่สมัยอาซูจิ-โมโมยามะ และมีจุดชมวิวบนชั้นดาดฟ้าให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามของปราสาททาคาดะและเมืองเอจิโกะได้
ที่นี่เป็นจุดถ่ายภาพรองสำหรับแคมเปญโพสต์ภาพลง Instagram ของเฮลโล คิตตี้ด้วย

ซากของปราสาทคาสึกะยามะเป็นที่รู้จักในฐานะที่พักอาศัยของอูเอสึกิ เค็นชิน ซึ่งเป็นขุนพลที่มีชื่อเสียงในสมัยเซ็นโงกุ ที่นี่เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการแต่งตั้งของประเทศและยังนับเป็นหนึ่งใน 100 ปราสาทที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นอีกด้วย

ที่นี่มีตู้ปลาขนาดใหญ่ที่จัดเลียนแบบระบบนิเวศน์ของทะเลญี่ปุ่น และมีอุโมงค์ใต้น้ำแบบ 360 องศาที่ทำจากแก้วอะคริลิก ทำให้คุณสามารถชมสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเลญี่ปุ่นได้อย่างใกล้ชิด
และเป็นจุดถ่ายภาพรองสำหรับแคมเปญโพสต์ภาพลง Instagram ของ เฮลโล คิตตี้ด้วยนะ

ชายฝั่งอิโตอิกาวะเป็นท่าเรือที่ธรรมชาติมีความอุดมสมบรูณ์ดี มีปลานานาชนิดจากระดับความลึกที่แตกต่างกัน ไม่เพียงแค่ปูเท่านั้นแต่ยังมีปลาทะเลน้ำลึกเช่นปลามังค์ฟิชด้วย และโดยเฉพาะกุ้งนัมบังจากอิโตอิกาวะที่เป็นที่นิยมมาก ว่ากันว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลยล่ะ